logo-the-last-of-us
the last of us รีวิว

หัวข้อ

the last of us รีวิว

the last of us รีวิว หลังปล่อยออกมาให้รับชมกันไป 2 ตอน สำหรับซีรีส์จากเกมดัง “The Last of Us” ก็สามารถโกยคะแนนจากผู้ชมทั่วโลกไปได้อย่างล้นหลาม โดยเฉพาะในตอนล่าสุดอย่าง Infected ที่สามารถทำคะแนนบนเว็บไซต์ IMDb ได้มากถึง 9.9/10 ซึ่งนับว่าเป็นคะแนนที่สูงมาก ๆ เลยทีเดียวสำหรับซีรีส์ที่สร้างจากเกม ถือว่าลบล้างอาถรรพ์การดัดแปลงเกมมาเป็นซีรีส์ได้อย่างขาดลอย

สำหรับเนื้อเรื่องหลักของซีรีส์ The Last of Us ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากตัวเกม ยังคงเป็นการเล่าถึง “โจล มิลเลอร์” (รับบทโดย เปโดร ปาสคาล) ชายวัยกลางคนที่สูญเสียลูกสาวและต้องเอาชีวิตรอดในโลกหายนะเชื้อราซอมบี้ระบาด (Post-Apocalypse) โดยโจลจับพลัดจับผลูรับภารกิจนำตัวเด็กหญิง “เอลลี วิลเลียมส์” (รับบทโดย เบลล่า แรมซีย์) ไปส่งให้ถึงจุดหมายปลายทาง

ทว่าการเดินทางของพ่อที่สูญเสียลูกสาวกับเด็กหญิงกำพร้า เกิดเป็นความผูกพันและสายใยบาง ๆ เรียกว่า “ครอบครัว” ทำให้ท้ายที่สุดแล้วโจลก็ไม่สามารถส่งตัวเอลลีให้กับกลุ่ม Fireflies ได้สำเร็จ เมื่อภารกิจที่เป็นความหวังของคนทั้งโลกต้องล้มเหลว โจล และ เอลลี จะรับมือกับที่เกิดขึ้นตามมาได้อย่างไร คงต้องอุบเอาไว้ให้ทุกคนตามไปลุ้นกันต่อทาง HBO GO

the last of us รีวิว ซีรีส์จากเกมที่ลบล้างทุกคำสาป

the last of us รีวิว ไม่ว่าคุณจะเคยเล่นเกม ดูแคสต์เกม หรือไม่แม้แต่จะรู้จักเกมนี้มาก่อน ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะดูซีรีส์ไม่รู้เรื่องหรือถูกลดทอนอรรถรสในการรับชม เพราะตัวซีรีส์เองได้ “นีล ดรัคแมน” ผู้สร้างเกมมาควบคุมเนื้อหาให้โดยเฉพาะ และได้ตัว “เครก มาซิน” มานั่งแท่นผู้กำกับ ทำให้ซีรีส์ฉบับคนแสดงถูกถ่ายทอดออกมาอย่างสมบูรณ์แบบจากตัวเกมฉากต่อฉากก็ว่าได้

การันตีได้จากคะแนนเปิดตัวจากฝั่งนักวิจารณ์บนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes 100 คะแนนเต็ม แม้ตอนแรกของซีรีส์อาจทำให้แฟนเกมกังขาเกี่ยวกับนักแสดงที่มารับบท “ซาร่าห์ มิลเลอร์” ว่าไม่ตรงกับต้นฉบับในเกม แต่ด้วยทักษะการแสดงก็ทำให้หลายคนยอมรับว่าซีรีส์ The Last of Us เปิดตัวมาได้อย่างไรที่ติจริง ๆ

ฉากอารัมภบทชวนเขย่าขวัญ

ฉากเปิดของแต่ละตอนของซีรีส์ The Last of Us ถูกมองว่าเป็นส่วนเสริมทำให้ซีรีส์ดูมีรสชาติมากขึ้น เพราะถ้าคุณคัดลอกเนื้อหาในเกมแล้วใส่ไว้ในซีรีส์ทั้งหมด มันน่าเบื่อ เหมือนได้ชิมของอร่อยอย่างเดิมแต่ไม่ต่างจากเดิม จากข้อเท็จจริงที่ว่าอารัมภบทบอกเกี่ยวกับเชื้อราซอมบี้ แม้จะเป็นเพียงการเปิดเผยข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ก็ตาม แต่เมื่อการเก็งกำไรตั้งสมมติฐานให้ผู้ดูพิจารณาจากข้อมูลข้อเท็จจริงที่มีอยู่ แม้จะน้อยมากหรือแทบเป็นไปไม่ได้ก็ตาม. แต่คุณต้องจำไว้ว่าเชื้อราซอมบี้สามารถติดเชื้อในมนุษย์ได้ นี่เป็นการแนะนำเรื่องราวที่ดีให้ติดตามและตื่นตะลึงก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหาหลักของเรื่อง

บรรยากาศที่ไม่น่าไว้วางใจ

เป็นธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับคอนเทนต์สยองขวัญที่ต้องมีฉากตุ้งแช่ไว้เขย่าหัวใจผู้ชม ทว่าในซีรีส์เรื่องนี้กลับใช้ความเงียบขับเคลื่อนให้ทุกการเคลื่อนไหวของตัวละครแวดล้อมไปด้วยความไม่น่าไว้วางใจ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ดนตรีสร้างอารมณ์เลยด้วยซ้ำ

แม้ไม่มีอะไรวับ ๆ แวม ๆ แต่การนำเสนอฉากแต่ละฉากล้วนทำให้ผู้ชมหายใจไม่ทั่วท้อง แม้แต่คนที่ผ่านมือจากเกมมาก่อนยังคงได้รับรสชาติความหวาดระแวงที่สดใหม่จากตัวซีรีส์ เพราะยิ่งรับรู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า ก็ยิ่งกระตุ้นประสบการณ์ความกลัวที่เคยสัมผัสจากในเกมมาก่อนได้มากขึ้น

นอกจากนี้ อีกสิ่งหนึ่งหนึ่งที่ทำให้บรรยากาศในเรื่องน่าขนลุกกว่าฉากตุ้งแช่คือ “ความเงียบ” เพราะเมื่อความเงียบแทรกซึมอยู่ทุกอณูของการดำเนินเรื่อง ยิ่งทำให้ผู้ชมรับรู้ได้ถึงความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นอย่างทันทีทันใด แม้สุดท้ายแล้วความเงียบเหล่านั้นจะไม่ส่งผลอะไรก็ตาม แต่สำหรับผู้ชมนั่นคือสิ่งที่ทำให้ลุ้นจนตัวเกร็งจนแทบหยุดหายใจก็ว่าได้

ตัวละครไม่ตรงปกแต่ตีบทแตก

สำหรับการคัดเลือก 2 นักแสดงหลักในซีรีส์ The Last of Us แม้แฟนเกมบางกลุ่มจะไม่ค่อยพอใจที่โจลดูไม่ยับเยินอย่างที่ควรจะเป็น และเอลลีก็ดูไม่ก๋ากั่นเท่าในเกม ทว่าหลังได้รับชมการแสดงของ เปโดร ปาสคาล และ เบลล่า แรมซีย์ ก็แทบจะต้องถอนคำพูดกันเลยทีเดียว

เพราะเปโดรในบทโจลนั้นมีสภาพที่สมเหตุสมผลกับชายวัยกลางคนที่ต้องเอาชีวิตรอดในโลกหลังเกิดหายนะ และเอลลีก็ปากแจ๋วแสบซ่าไม่แพ้คาแรกเตอร์ในเกม ถึงขนาดที่ฉากนับเลข “1-พ่อ_ตาย” กลายเป็นที่โจษจันในโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว

แม้แต่บทของซาร่าห์ลูกสาวโจลก็ยังได้รับการยอมรับในภายหลัง แม้จะแคสต์นักแสดงมาขัดกับคาแรกเตอร์ในเกมอย่างชัดเจนก็ตาม แต่ทุกองค์ประกอบล้วนมีเหตุและผล ซึ่งตัวซีรีส์สามารถสร้างสมดุลไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยอาจกล่าวได้ว่าเป็นการเห็นภาพจำเดิม ๆ ในประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำเดิมแม้แต่วินาทีเดียว

ให้คะแนนซีรีส์ The Last of Us 100/10

อาจดูเหมือนอวยจนเกินไป ซีรีส์อะไรจะดีเด่ไปเสียทุกอย่าง แน่นอนว่าซีรีส์ทุกเรื่องย่อมมีข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำให้ทั้งนักวิจารณ์และผู้ชมหักคะแนนไปบ้าง แต่สำหรับซีรีส์จากเกมอย่าง The Last of Us แล้วนั้นไร้ที่ตินับตั้งแต่ปล่อยตัวอย่างแรกออกมาให้ชม

นับว่าเป็นการดัดแปลงเรื่องราวจากเกมที่กลมกล่อมที่สุดแล้ว ทั้งเติมเต็มส่วนที่ขาด และตัดทอนส่วนที่เวิ่นเว้อ ทำให้เป็นการสร้างใหม่ที่อิงจากเรื่องราวเดิมได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด และยอดเยี่ยมในทุกแง่มุมแม้จะออนแอร์ไปเพียง 2 ตอน จากทั้งหมด 9 ตอนก็ตาม

อย่างไรก็ตามรีวิวนี้ก็เป็นเพียงเสียงส่วนหนึ่งของแฟนเกมที่ได้รับชมซีรีส์ เส้นทางการผจญภัยของโจลและเอลลียังอีกยาวไกล ดังนั้นหากใครอยากพิสูจน์คุณภาพของซีรีส์เรื่องนี้ว่าดีอย่างที่หลาย ๆ สำนักรีวิวหรือไม่ ก็สามารถรับชมได้แล้ววันนี้ผ่านทาง HBO GO

 

บทความที่เกี่ยวข้อง